เบ้าหลอมวัยเยาว์ เรียนร้้จากชีวิตจริง

พ.ต.ท.ทักษิณ เกิดเมือ
่ วันที ่ 26 กรกฎาคม พ.ศ.
2492 ที ่อำาเภอสันกำาแพง จังหวัดเชียงใหม่ เป็ นบุตรคนที ่
2 ในจำานวน 10 คนของนายเลิศและนางยินดี ชินวัตร

ต้นตระกูล "ชินวัตร" คือ "คูซุ่นเส็ง" หรือ "ชุ่นเส็ง

แซ่ค"ู พ่อค้าและอดีตนายอากรทีอ
่ พยพจากจันทบุรีมาตัง้
รกรากเริม
่ ต้นธุรกิจหลายประเภทในเมืองเชียงใหม่ ลูก
หลานของ "คูซุ่นเส็ง"
ในรุ่นต่อๆ มาแตกแขนงการทำาธุรกิจออกไป บางส่วนขยับ
ขยายมาทำาการค้าใน อ.สันกำาแพง
จ.เชียงใหม่ "เลิศ ชินวัตร" ก็เป็ นสายหนึง่ ของตระกูลทีม
่ า
ปั กหลักทีส
่ ันกำาแพง

ประสบการณ์หลากหลายของ พ.ต.ท.ทักษิณในวัย
เยาว์นัน
้ ส่วนหนึง่ เป็ นเพราะ
"คุณพ่อเลิศ" เป็ นคนทีส
่ นใจทำาธุรกิจหลายประเภท ตัง้ แต่
ลงทุนทำาสวนส้ม ช่วงหนึง่ ไปเป็ นกัมปะโด(หัวหน้าแผนกสิน
เชือ
่ ) ให้ธนาคารนครหลวงไทย สาขาเชียงใหม่ ทำาโรง
ภาพยนตร์ศรีวิศาล เป็ นตัวแทนจำาหน่ายรถจักรยานยนต์
และรถยนต์ ฯลฯ
 ทีส
่ ำาคัญอีกประการหนึง่ คือ "คุณพ่อเลิศ"เป็ นคนทัน
สมัย ใจกล้าทีจ
่ ะลงทุนนำาสินค้าใหม่ๆ มาขายหรือเลือก
ธุรกิจใหม่ๆ มาทำาอยู่ตลอดเวลา นอกเหนือไปจากความ
ขยัน-สู้งาน สู้ชีวิต
ชอบเรียนรู้ทดลองทำาด้วยตัวเอง จนทำาให้เขาเข้าใจถึง
ความเป็ น "นักปฏิบัติ" แล้ว แบบอย่างจากบิดาซึง่ เป็ นนัก
ธุรกิจทีม
่ องไกล สนใจความรู้วิทยากรใหม่อยู่เสมอเช่นนี ้
เป็ นอีกสิง่ หนึง่ เขาได้รับการถ่ายทอดติดตัวมา

พ.ต.ท.ทักษิณจึงมิใช่ "เด็กเรียน" ทีจ

่ มอย่ก
ู ับกองตำารา
อย่างเดียว อีกด้านหนึง่ ของชีวิตวัยเยาว์ในฐานะ "ลูก
พ่อค้า" ทำาให้พ.ต.ท.ทักษิณผ่านประสบการณ์การทำางาน
ค้าขาย เรียนรู้การทำาธุรกิจจากการติดตามผู้เป็ นบิดาไป
เกือบทุกทีท
่ ุกแห่ง หลังเวลาเรียน เขาจึงเป็ นเด็กเดินขาย
หวานเย็น ช่วยขายมอเตอร์ไซด์ ขายอะไหล่หน้าร้าน ออก
ไปติดตามทวงหนี ้ ช่วยงานบัญชีทีธ
่ นาคาร เป็ นพนักงาน
โรงหนัง แม้กระทัง่ งานปล่อยคิวรถเมล์และขับรถเมล์
พ.ต.ท.ทักษิณล้วนเคยผ่านมาแล้วทัง้ สิน
้

ชีวิตพลิกผัน สู้ผ้นำาทางธุรกิจ

แม้ตลอดช่วงวัยเยาว์ พ.ต.ท.ทักษิณจะมีโอกาสใกล้
ชิดสัมผัสกับธุรกิจของครอบครัวมาตลอด แต่เขาก็ยงั มิได้
ตกลงปลงใจว่าจะเดินตามสูตรสำาเร็จของลูกพ่อค้าในยุค
นัน
้
ทีม
่ ักจะรับช่วงสานต่อธุรกิจของครอบครัว หรือกิจกา
รอืน
่ ๆ ในตระกูล

ด้วยความทีเ่ ป็ นคนเรียนเก่งและชอบเรียน เมือ

่ จบชัน
้
มัธยมทีโ่ รงเรียนมงฟอร์ตวิทยาลัย เชียงใหม่แล้ว
พ.ต.ท.ทักษิณจึงมองโอกาสและแนวทางศึกษาต่อ กระทัง่
ในทีส
่ ุดก็เลือกสอบเข้าศึกษาต่อทีโ่ รงเรียนเตรียมทหารซึง่
เป็ นทีน
่ ิยมมากสำาหรับนักเรียนชายในยุคนัน
้ เป็ นนักเรียน
เตรียมทหารรุ่นที ่ 10 (พ.ศ. 2512) และสำาเร็จการศึกษา
ระดับปริญญาตรีจากโรงเรียนนายร้อยตำารวจ
รุ่นที ่ 26 (พ.ศ. 2516) โดยสอบได้คะแนนเป็ นทีห
่ นึง่ ของรุ่น

ปี เดียวกันนัน
้ เองทีเ่ ขาเริม
่ ชีวิตข้าราชการตำารวจเป็ น
ครัง้ แรก แต่ทำางานได้เพียงระยะหนึง่ ในปี พ.ศ. 2517 ก็ได้
ทุนจากรัฐบาลไปศึกษาต่อทีส
่ หรัฐอเมริกาจนจบปริญญาโท
สาขา Criminal Justice จาก Eastern Kentucky
University ในปี พ.ศ. 2518 หลังจากนัน
้ ยังกลับไปเรียนที ่
สหรัฐอีกครัง้ หนึง่ ในสาขาเดิมจนกระทัง่ จบปริญญาเอก
จาก Sam Houston State University ในปี
พ.ศ. 2521

พ.ต.ท.ทักษิณ ได้เริม
่ รับราชการตำารวจ โดยเป็ น
หัวหน้าแผนกแผน 6 กองวิจัยและวางแผน กองบัญชาการ
ตำารวจนครบาล และได้ผ่านงานหลายลักษณะในกรม
ตำารวจ อาทิ
เป็ นอาจารย์ทีโ่ รงเรียนนายร้อยตำารวจ เป็ นสารวัตรปราบ
ปรามประจำาสน.พระราชวังเป็ นนายตำารวจติดตามรัฐมนตรี
(นายปรีดา พัฒนถาบุตร) เป็ นรองผู้กำากับศูนย์ประมวล
ข่าวสาร ฯลฯ

และทีศ
่ ูนย์ประมวลข่าวสารนีเ่ อง ซึง่ พ.ต.ท.ทักษิณใช้
เวลาอยู่ในหน่วยงานนีน
้ านมากกว่าหน่วยอืน
่ ๆ เ ขานำาเอา
ความรู้เกีย
่ วกับระบบคอมพิวเตอร์เข้ามาพัฒนาระบบฐาน
ข้อมูลของกรมตำารวจให้ก้าวหน้าทันสมัยมากขึน
้

จนอาจกล่าวได้ว่าเป็ นรากฐานสำาคัญของระบบ
เทคโนโลยีสารสนเทศในกรมตำารวจยุคต่อๆ มา ไม่ว่าจะ
เป็ นระบบฐานข้อมูลสถิติอาชญากรรม ทะเบียนรถยนต์
ประวัติอาชญากร ซึง่ เป็ นการนำาเทคโนโลยีและข้อมูลมาใช้
สนับสนุนงานป้ องกันและปราบปรามอาชญากรรมเป็ นครัง้
แรก

เส้นทางชีวิตราชการตำารวจของพ.ต.ท.ทักษิณ ดำาเนิน
ไปพร้อมกับความก้าวหน้าในตำาแหน่งหน้าที ่ ทว่าขณะ
เดียวกับความเคลือ
่ นไหวทางธุรกิจเริม
่ ดึงดูดความสนใจ
เขามากขึน
้
 กระทัง่ ในทีส
่ ุดเขาตัดสินใจลาออกจากราชการ ขณะ
ครองยศพันตำารวจโทในตำาแหน่งรองผู้กำากับการนโยบาย
และแผนงาน กองบังคับการอำานวยการ กองบัญชาการ
ตำารวจนครบาลเหตุผลสำาคัญในการเปลีย
่ นแปลงเส้นทาง
ชีวิตตัวเองในคราวนัน
้ พ.ต.ท.ทักษิณอธิบายว่าส่วนหนึง่
เป็ นเพราะอึดอัดกับระบบ ขัน
้ ตอนหลายลำาดับขัน
้ ของ
ราชการ ส่วนหนึง่ เป็ นเพราะเขาต้องการเข้ามาทำางาน
ธุรกิจเต็มตัวหลังจากเริม
่ ต้นมาแล้วระยะหนึง่ แล้ว