Académique Documents
Professionnel Documents
Culture Documents
ยูเรกา
วั น นั ้ น เป น วั น ที ่ ห นาวเหน็ บ มากวั น หนึ ่ ง ในเดื อ นมกราคม หิ ม ะกำลั ง ตกปรอยๆ ใน
เมืองเบอรมิงแฮม ประเทศอังกฤษ ดิฉันกำลังนั่งหนาจอคอมพิวเตอร ในหองนอนชั้นบน
ซึ่งอยูขางหนาตาง เพื่อพักสายตา ดิฉันจึงมองออกไปดูวิวนอกหนาตาง เห็นปุยหิมะ
ที่กำลังหลนจากฟาอยางออนโยน สนามหญาที่เคยเปนสีเขียวสดและหลังคาบานที่เปน
สีน้ำตาล มาบัดนี้ถูกหมดวยปุยหิมะเหมือนมีผาหมสีขาวผืนใหญคลุมทุกอยางอยู ขณะนั้น
ในใจของดิฉันอิ่มเอิบไปดวยปติที่ ไดเห็นธรรมชาติสวยงามดั่งสรวงสวรรคอยูแคปลายจมูก
ของเราเทานั้น
ในขณะที ่ ด ิ ฉ ั น กำลั ง ชื ่ น ชมวิ ว นอกหน า ต า งห อ งนอนนั ้ น เอง ก็ไมตางอะไรจากการเดินจงกรม จึงเปนฐานกายของสติไดอยางดียิ่ง
ความคิดหนึ่งเขามาบอกดิฉันวา ภาพขางหนาที่ดิฉันกำลังมองอยู แตในชวงนัน้ ดิฉนั สอนไดเพียงสามฐานเทานัน้ ดิฉนั ยังไมรวู า อะไรคือ
ในขณะนีต้ อ งมีความสำคัญอะไรบางอยางแนนอน ความสำคัญนีจ้ ะตอง “ธรรม” ตั ว นั ้ น อั น เป น ตั ว เพ ง ของฐานที ่ ส ี ่ หรื อ “ธั ม มานุ ป ส สนา
เกี่ยวเนื่องกับสุขทุกขของมนุษยทุกคนดวย แตดิฉันก็ไมสามารถ สติปฏฐาน” คืออะไร ไดเคยคนควาจากการอานและถามครูบาอาจารย
เค น เอาคำตอบออกจากท อ ป ญ ญาที ่ ต ี บ ตั น นั ้ น ได จำได แ ม น ยำว า แตก็ไมเคยไดรับคำตอบที่พอใจสักครั้ง ในขณะที่ดิฉันกำลังเขียน
ดิฉันนั่งมองภาพวิวของสวนหลังบานที่ปกคลุมดวยหิมะอยูนานครูใหญ รายละเอียดของสติปฏฐานทั้งสี่บนกระดานนั้น เมื่อมาถึงฐานที่สี่
ก อ นที ่ จ ะหั น กลั บ ไปสู ห น า จอคอมพิ ว เตอร เ พื ่ อ ทำงานต อ วั น นั ้ น ดิฉนั กระซิบกับตัวเองวา “เดีย๋ วตองบอกลูกศิษยวา ฉันไมรู สอนไดแค
คงเปนวันหนึ่งในเดือนมกราคมของป 2539 สามฐานแรกเทานั้นนะ”
มีนาคม 2540 คุณแมของดิฉันเสียชีวิต ดิฉันกลับมางานศพ เมือ่ เขียนเสร็จ ดิฉนั จึงเดินออกจากกระดานประมาณ 6 ถึง 7 กาว
ของคุ ณ แม ด ว ยความรู ส ึ ก ที ่ เ จ็ บ ปวดสุ ด จะพรรณนา แต เ มื ่ อ เวลา เพื่อมายืนเบื้องหนาลูกศิษย 6 คน แลวดิฉันก็หันหนากลับไปมอง
ผานพนไป ความโศกเศราก็คอยๆ จางคลาย กลายมาเปนความรูสึก กระดานขาวนั้น ทันใดนั้นเอง เหตุการณอัศจรรยอยางยิ่งก็ไดเกิดกับ
อิสระที่ไมมีแมใหเราตองหวงใยอีกตอไป ใจของดิฉัน ดิฉันมีความรูสึกเหมือนทอปญญาซึ่งเมื่อกี้นี้ยังตีบตัน
และแล ว วั น หนึ ่ ง ในเดื อ นตุ ล าคม 2540 วั น นั ้ น เป น วั น จั น ทร อยูห ยกๆ ยังบนกับตัวเองอยูว า “ฉันไมร”ู แตมาบัดนี้ มันไดระเบิด
บายหนึ่งถึงบายสองโมง เปนวันที่ดิฉันตองสอน ไทเกกและสมาธิ ออกมาอยางทันทีทันใด อยางไมมีปมีขลุย กอใหเกิดน้ำพุแหงปญญา
(Tai Chi & Meditation) ใหแกนักศึกษาชั้นกาวหนาที่มหาวิทยาลัย พุงทะลุทะลวงออกมาจากรอบทิศดวยพลังอันมหาศาล แตไมใชเปน
เบอรมิงแฮม เมื่อเริ่มตนชั่วโมงสอน ดิฉันไดเขียนรายละเอียดของ พลังของน้ำ มันเปนพลังแหงปญญาทีด่ ฉิ นั เคยเปรียบเทียบไวในหนังสือ
สติปฏฐานสี่คือ กาย เวทนา จิต และ ธรรม ไวบนกระดานสีขาว เรื่อง “อวดอุตตริมนุสสธรรมที่มีในตน” วา เหมือนความสวางของ
เพื่อใหนักศึกษารูวาตัวเพงของฐานที่หนึ่ง สอง สาม สี่ คืออะไร พระอาทิตย 10 ดวงทีก่ ำลังฉายแสงแหงธรรมใหโลก ภายในใจของดิฉนั
ดิฉันไดใชทารำของไทเกกและชี่กงมาเปนเครื่องมือหรือตัวเชื่อมเพื่อ สวางไสวจนแสบตา (ใจ) อยางที่ไมเคยปรากฏมากอนใน 43 ปของชีวิต
ใหนักศึกษาเอาสติมาตรึงไวที่ฐานทั้งสี่ ซึ่งทารำที่เชื่องชาของไทเกก ดิฉัน ลำแสงอันมโหฬารที่พวยพุงออกมาจากทุกทิศนั้นไดทำใหดิฉัน
ตองอุทานออกมาเปนภาษาอังกฤษวา “Oh my God, I know it!” วามันมีความสำคัญตอชีวิตของพวกเขาและมนุษยทุกคนในโลกอยางไร
ต อ มา ดิ ฉ ั น ได พ ู ด ถึ ง เหตุ ก ารณ อ ั ศ จรรย ใ นช ว งขณะนั ้ น ว า จากวันนั้นเปนตนมา ปญญาทางธรรมของดิฉันก็เจริญเติบโตขึ้น
“ยูเรกา” ดิฉันยืนตะลึงกับเหตุการณที่กำลังเกิดภายในใจของดิฉันอยู อยางตอเนื่องโดยที่ไมไดอานหนังสือธรรมะเพิ่มเติมแตอยางใด แต
ครูห นึง่ แตเมือ่ ตระหนักวามีสายตา 6 คูก ำลังมองดิฉนั อยูแ ละรอใหดฉิ นั เปนการอานหนังสือเลมใหญที่ออกจากกายอันยาววา หนาคืบ และ
พูดอธิบายสิง่ ทีเ่ ขียนไวบนกระดานเหมือนทุกครัง้ ดิฉนั จึงพูดกับลูกศิษย กวางศอกนี้ เปนภูมิปญญาทางธรรมที่หลั่งไหลพรั่งพรูออกมาจาก
อยางตรงไปตรงมาวา ตอนกำลังเขียนบนกระดานนั้น ดิฉันกำลังจะ ทอปญญาที่กอนหนานั้นเคยตีบตัน แตเพิ่งมาระเบิดออกในวันจันทร
ออกมาสารภาพวาดิฉนั สอนสติปฏ ฐานไดเพียงสามฐานเทานัน้ นะ ฐานทีส่ ่ี ประมาณบายโมงสิบกวานาทีของเดือนตุลาคม 2540 นั่นเอง จึงทำให
ยังไมรู สอนไมได แตมาบัดนี้ซึ่งเวลาผานไปเพียงไมถึง 5 นาที ไดมี ดิฉันไดคำตอบดวยวา ภาพวิวในสวนหลังบานที่ถูกปกคลุมดวยหิมะ
เหตุการณพิสดารเกิดขึ้นในใจของดิฉัน ทำใหดิฉันรูคำตอบแลววา มีความสำคัญอะไร อยางไรตอชีวิตมนุษย
อะไรคือ “ธรรม” ตัวนั้นอันเปนตัวเพงของฐานที่สี่ คำตอบที่งายๆ สั้นๆ คือ หากใครสามารถปฏิบัติสติปฏฐานสี่
ดิฉนั พูดกับลูกศิษยทง้ั 6 คนดวยเสียงทีร่ าบเรียบเหมือนไมมอี ะไร จนสามารถเขาใจถึงตัวเพงของฐานที่สี่แลวละก็ ยอมหมายความวา
เกิดขึ้น ไมมีการแสดงออกถึงความดีใจอยางสุดขีด ไมมีการกระโดด- ผูป ฏิบตั มิ ี “ผัสสะบริสทุ ธิ”์ แลว ซึง่ เปนประสบการณเดียวกับการอยูก บั
โลดเตนเมื่อไดคำตอบที่แสวงหาอยูนาน (นับอเนกชาติ) ซึ่งตางจาก ปจจุบนั ขณะหรือ “ทีน่ ่ี เดีย๋ วนี”้ สภาวะทีแ่ สนจะธรรมดาทีอ่ ยูเ บือ้ งหนา
นาย อาร ค ี ม ิ ด ี ส ที่ เ มื่ อ เกิ ด สภาวะยู เ รก า ได ค ำตอบที่ ต อ งการแล ว ของทุกคนนี้ คือ พระนิพพานชิมลาง เปนคำตอบสุดทายที่มนุษย
ถึงขนาดกระโดดลุกออกจากอางอาบน้ำทั้งๆ ที่ยังโปอยู ความตื่นเตน ผูแ สวงหาทางหลุดพนจากความทุกขกำลังควานหาอยูท ง้ั สิน้ ซึง่ จะเขาถึง
เชนนั้นไมไดเกิดกับดิฉันเลย กลับมีแตความสงบและตองการดื่มด่ำ ไดก็ดวยการปฏิบัติตามทางสายเอกที่พระบรมศาสดาไดปูทางไวแลว
กับสภาวะที่อัศจรรยอยางยิ่งที่เพิ่งเขาถึงใหมๆ เหมือนเพิ่งไดขึ้นถึง คือ สติปฏฐานสี่ หรือวิปสสนานั่นเอง ซึ่งดิฉันไดสรางวลีใหมวา
ภูกระดึงและเห็นความสวยงามอยางยิ่งของวิวทิวทัศนบนภูกระดึง พาตัวใจกลับบาน
เปนครั้งแรกในชีวิต หากทานสนใจที่จะเรียนรูเรื่องสติปฏฐานสี่ในแนวทางของดิฉัน
โดยสถานการณบังคับ ดิฉันไมมีทางเลือกอื่น จึงพาลูกศิษย ที่เรียกวา “พาตัวใจกลับบาน” เพื่อใหเขาใจ “ผัสสะบริสุทธิ์” “ที่นี่
รำทาไทเกก ชี่กงตอไป แตสิ่งที่พิเศษแตกตางออกไปจากวันอื่นๆ เดี๋ยวนี้” และสัมผัสกับ “นิพพานชิมลาง” แลวละก็ ขอเชิญศึกษา
คือ วันนั้นดิฉันสามารถนำลูกศิษยใหมีสติมาตรึงไวที่ฐานทั้งสี่อยาง เพิ่มเติมไดที่ http://www.supawangreen.in.th/book_chapter.
ชัดเจนและมั่นใจในความรูที่ไดถายทอดออกไป โดยบอกกับพวกเขา php?type=8
ทั้ง 6 คนอยางมั่นใจวา ตัวเพงของฐานที่ 4 ก็คือ ผัสสะบริสุทธิ์ (The
Innocent Perception) ซึ่งเปนสภาวะเดียวกับ ที่นี่ เดี๋ยวนี้ (Here
and Now) นั ่ น เอง ซึ ่ ง วลี เ หล า นี ้ ล ู ก ศิ ษ ย ใ นชั ้ น ก า วหน า ของดิ ฉ ั น
ไดฟงจนชินหูมานับครั้งไมถวนแลว แตวันนั้นดิฉันสามารถเชื่อมโยง
ให พ วกเขาเห็ น ความสำคั ญ ของ The Power of Here and Now