Académique Documents
Professionnel Documents
Culture Documents
จากโครงสร้างนิยมถึงหลังโครงสร้างนิยม
The Signification and Significance in Architecture:
From Structuralism to Poststructuralism
คณะสถาปัตยกรรมศาสตร์และการผังเมือง มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์
Faculty of Architecture and Planning, Thammasat University
บทคัดย่อ
สถาปัตยกรรมแสดงให้เห็นถึงการดำรงอยู่ร่วมกันระหว่างสัญลักษณ์กับวัตถุที่มนุษย์สร้างสรรค์ขึ้น เพื่อสื่อถึงความหมาย
มโนคติ หรือศรัทธาในศาสนาต่อสังคม ประวัติศาสตร์ของสถาปัตยกรรมตลอดสองพันกว่าปีที่ผ่านมา แสดงให้เห็นถึงความสัมพันธ์นี้
อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ อย่างไรก็ตาม ในตอนต้นคริสตศตวรรษที่ 20 ความหมายในสถาปัตยกรรมเริ่มสูญหายไป การเชิดชูสุนทรียภาพ
เชิงจักรกลตามแนวความคิดแบบโมเดิร์นที่มองเห็นการประดับประดาราวกับอาชญากรรมนั้น ได้นำสถาปัตยกรรมไปสู่รูปทรงบริสุทธิ์
แบบเพลโตนิค และไร้ซึ่งความหมายในที่สุด
การพัฒนาทฤษฎีทางด้านภาษาศาสตร์โดยเฉพาะทางด้านสัญศาสตร์หรือสัญวิทยา ได้ส่งผลให้เกิดสกุลทางความคิดใหม่
ในโลกตะวันตก ได้แก่ โครงสร้างนิยม และหลังโครงสร้างนิยม และยังส่งผลต่อศาสตร์แขนงอื่น ๆ อีกด้วย ในช่วงเวลาเดียวกันนั้น
สถาปนิกตะวันตกได้เริ่มหันมาสนใจถึงกระบวนการในการสื่อและการสร้างความหมายว่า ความหมายนั้นถูกนำเสนอและถ่ายทอด
ในสถาปัตยกรรมอย่างไร ดังนั้น วาทกรรมทางสถาปัตยกรรมได้ถูกเคลื่อนย้ายไปสู่อีกสถานะหนึ่ง คือสถาปัตยกรรมในสถานะที่
เป็นภาษาที่สอง ตัวอย่างเช่น สถาปนิกกลุ่มโพสต์โมเดิร์นได้เริ่มทดลองสื่อสารหรือรหัสไปสู่สังคม โดยการนำเอาองค์ประกอบทาง
สถาปัตยกรรมจากอดีตมาใช้ประดับบนรูปทรงอาคาร ขณะที่สถาปนิกกลุ่มดีคอนสตรัคชันในช่วงปลายทศวรรษที่ 1980 ได้พยายาม
สร้างกลวิธีในการอ่านสถาปัตยกรรมราวกับตัวบททางวรรณกรรม
Abstract
Architecture manifests the mutual existence between symbol and object created by human to carry
meanings, ideas or religious beliefs to societies. The history of architecture over the past 2,000 years has
inevitably shown such relationship. However, in the early 20th century, the meaning in architecture began
to disappear. The Modernist glorification of the machine aesthetics, viewing ornaments as a crime,
eventually has led architecture to the pure and meaningless Platonic forms.
The development of linguistic theory, especially in Semiotics or Semiology, has reshaped ways of
thinking in the Western world, including Structuralism and Poststructuralism. It has also effected other
disciplines. Western architects concurrently have returned to investigate in the processes of signification
and significance – how the meaning is carried and applied to architecture. The architectural discourse,
as a result, has been displaced to another state: architecture as a second language. Employing decorative
classical elements on building forms, Postmodern architects, for example, began to experiment in signifying
messages or codes to society. In contrast, Deconstructivist architects in the late 1980s attempted to
create a critical method of reading architecture as a literary text.
The Signification and Significance in Architecture: From Structuralism to Poststructuralism
Assistant Professor Santirak Prasertsuk 129
คำสำคัญ (Keywords)
สัญวิทยา (Semiology)
สัญศาสตร์ (Semiotics)
สัญญะ (Sign)
รูปสัญญะ (Signifier)
ความหมายสัญญะ (Signified)
การสื่อความหมาย (Signification)
การสร้างความหมาย (Significance)
โครงสร้างนิยม (Structuralism)
หลังโครงสร้างนิยม (Poststructuralism)
มายาคติ (Mythology)
ตัวบท (Text)
สัมพันธบท (Intertextuality)
รูปที่ 6 แผนภาพแสดงการวิเคราะห์รูปทรงทางสายตาของเมืองบอสตัน
โรเบิ ร ์ ต เวนทู ร ี ่ ได้ ส ร้ า งรู ป สั ญ ญะไว้ ม ากมายบน 1.2 การสื ่ อ ความหมายถึ ง ความสั ม พั น ธ์ ร ะหว่ า ง
พื ้ น ผิ ว ภายนอกด้ า นหน้ า ของตั ว อาคาร เพื ่ อ สื ่ อ ความหมาย อาคารกับบริบทที่ตั้ง ได้แก่ การใช้ผนังอิฐสีน้ำตาล
สั ญ ญะหลายอย่ า งตามกรอบการคิ ด แบบสั ญ วิ ท ยาเชิ ง โครง เข้มและหน้าต่างบนผนังอาคาร ซึ่งไม่แตกต่างไป
สร้างนิยม (รูปที่ 12) ได้แก่ จากวั ส ดุ แ ละรู ป แบบของอาคารแถวโดยทั ่ ว ไป
1.1 การสื ่ อ ความหมายระหว่ า งรู ป สั ญ ญะกั บ ความ ในเมืองฟิลาเดลเฟีย ในขณะที่รูปทรงซับซ้อนของ
หมายสัญญะระดับพื้นฐาน ได้แก่ การติดตั้งป้าย อาคารไม่ได้สะท้อนถึงบริบทเท่าใดนัก
ชื่ออาคารขนาดใหญ่ไว้เหนือทางเข้าอาคาร พร้อม
ทั ้ ง การใช้ ส ี ข าวบนผนั ง รอบทางเข้ า แตกต่ า งไป รูปสัญญะ (signifier) ความหมายสัญญะ (signified)
จากสีทั่วไปของอาคาร เพื่อสื่อถึงตำแหน่งทางเข้า ผนังอิฐและหน้าต่าง → รูปแบบอาคารแถวในเมืองฟิลาเดลเฟีย
หลักของอาคารต่อผู้มาเยือน ซึ่งเวนทูรี่ได้เรียก
การสื่อสารในรูปแบบที่นำเอาเรขนิเทศน์ (graphic) 1.3 การสื ่ อ ความหมายระหว่ า งรู ป สั ญ ญะกั บ ความ
มาใช้ประกอบตัวอาคารเพื่อสื่อถึงความหมายบาง หมายสัญญะในระดับที่เหนือกว่าประโยชน์ใช้สอย
ประการว่า ‘เพิงที่ประดับประดา (decorated shed)’ ได้แก่ การทำหน้าต่างโค้งครึ่งวงกลมขนาดใหญ่
ของผนังชั้นบนสุด เพื่อสื่อถึงกิจกรรมของบริเวณ
รูปสัญญะ (signifier) ความหมายสัญญะ (signified) นั้นว่าเป็นห้องสันทนาการรวมของผู้อาศัยแตกต่าง
ป้ายอาคารและผนังสีขาว → ทางเข้าอาคาร ไปจากรู ป แบบหน้ า ต่ า งของห้ อ งพั ก อาศั ย โดย
บทส่งท้าย (Epilogue)
[1] การเรียกว่า ‘สัญวิทยา (Semiology)’ เป็นการเรียกตามเฟอร์ดินองด์ เดอ โซซูร์ ส่วนการเรียก ‘สัญศาสตร์ (Semiotics) เป็น
การเรียกตามนักภาษาศาสตร์ชาวอเมริกันอีกท่าน คือ ชาร์ล แซนเดอร์ เพอร์ช (Charles Sanders Peirce).
[2] ไชยรัตน์ เจริญสินโอฬาร. สัญวิทยา, โครงสร้างนิยม, หลังโครงสร้างนิยมกับการศึกษารัฐศาสตร์. กรุงเทพ ฯ: สำนักพิมพ์
วิภาษา, 2545, 3-17.
[3] ดูอ้างอิง 2, 30-36.
[4] ดูอ้างอิง 2, 43-57.
[5] อ่านการศึกษานิทานปรัมปราแบบโครงสร้างนิยมในอ้างอิง 2, 70-88.
[6] จันทนี เจริญศรี. (2544). โพสต์โมเดิร์น & สังคมวิทยา. กรุงเทพฯ: บริษัท เคล็ดไทย จำกัด.
[7] Barthes, Roland. (2544). มายาคติ สรรนิพนธ์จาก Mythologies. แปลโดย วรรณพิมล อังคศิรสิ รรพ. กรุงเทพ ฯ: สำนักพิมพ์คบไฟ.
[8] ในสังคมปัจจุบัน ค่านิยมในการใช้โทรศัพท์มือถือ การใช้ครีมสำหรับทำให้ผิวขาว การนิยมดื่มชาเขียว เป็นต้น ล้วนแล้วแต่เป็น
ตัวอย่างของมายาคติที่เกิดขึ้นในสังคมไทยได้เป็นอย่างดี เพราะแฝงด้วยความหมายในระดับที่ลึกเกินกว่าแค่ความหมาย
ในเชิงประโยชน์ใช้สอยของผลิตภัณฑ์นั้น ๆ เช่น ทำให้ดูทันสมัย แสดงถึงลัทธิการล่าอาณานิคมที่คนผิวขาวเป็นใหญ่ หรือ
การใส่ใจในการรักษาสุขภาพตนเอง ฯลฯ.
[9] Broadbent, Geoffrey. (1996). “A Plain Man’s Guide to the Theory of Signs in Architecture.” Theorizing a
New Agenda for Architecture: an Anthology of Architectural Theory 1965 - 1995. New Jersey: Princeton
Architectural Press, 124-140.
[10] วาทกรรม (discourse) หมายถึง ชุดของหลักการซึ่งเป็นรากฐาน และก่อให้เกิดความสัมพันธ์ระหว่างสิ่งต่าง ๆ ที่เรามองเห็น
คิดและพูด ผู้บัญญัติศัพท์คำนี้คือ มิเชล ฟูโกต์ (Michel Foucault).
[11] Kwok, Kai H. “Structuralism/Poststructuralism.” แปลและเรียบเรียงโดย สมเกียรติ ตั้งนโม จาก http://www.
midnightuniv.org/
[12] Faulconer, James E. “Deconstruction.” แปลและเรียบเรียงโดย สมเกียรติ ตัง้ นโม จาก http://www.midnightuniv.org/
[13] Lynch, Kevin. (1960). The Image of the City. Cambridge: The MIT Press.
[14] Nessbit, Kate. (1996). Theorizing a New Agenda for Architecture: an Anthology of Architectural Theory
1965 - 1995. New Jersey: Princeton Architectural Press, 34-35.
[15] Stern, Robert A.M. (1996). “New Directions in Modern American Architecture.” Theorizing a New Agenda
for Architecture: an Anthology of Architectural Theory 1965 - 1995. New Jersey: Princeton Architectural
Press, 100-108.
[16] ตารางกริดแบบเมอร์คาเตอร์ (Mercator Grid) เป็นระบบการอ้างอิงพิกัดทางภูมิศาสตร์รูปแบบหนึ่ง โดยใช้ตารางซ้อนทับ
ลงบนพื้นผิวโลก ถูกคิดค้นขึ้นเมื่อปี ค.ศ. 1569.
[17] วิทยาศาสตร์แนวใหม่ (new science) เป็นองค์ความรู้ใหม่ทางวิทยาศาสตร์ที่พัฒนาขึ้นในคริสตศตวรรษที่ 20 ได้
เปลี่ยนแปลงระบบความคิดทางวิทยาศาสตร์แบบกลไก ซึ่งตกอยู่ภายใต้ทฤษฎีของไอแซค นิวตัน และเรเน่ เดส์การ์ตส์
มากว่าสองร้อยปี วิทยาศาสตร์แนวใหม่มองปรากฏการณ์ทุกสิ่ง ทั้งในสิ่งมีชีวิตและไม่มีชีวิตในเชิงพลวัต (dynamic)
มีความเปลี่ยนแปลง วิวัฒนาการ ความสัมพันธ์กับสิ่งอื่น ๆ และคาดการณ์ไม่ได้อยู่ตลอดเวลา.
รูปที่ 1, 3 Gelernter, Mark. (1995). Sources of Architectural Form: A Critical History of Western
Design Theory. Manchester: Manchester University Press, 59, 258.
รูปที่ 2, 8, 9, 11, 12 Gossel, Peter and Leuthauser. (1991). Architecture in the Twentieth Century. Cologne:
Taschen, 230, 273, 386, 273, 272.
รูปที่ 4 - 6 Lynch, Kevin. (1960). The Image of the City. Cambridge: The MIT Press, 47, 70,147.
รูปที่ 7 Venturi, Robert. (1977). Learning From Las Vegas. Cambridge: The MIT Press, 62.
รูปที่ 10, 16 Eisenman, Peter. (1995). Eisenman Architects: Selected and Currents Works. Victoria:
The Images Publishing Group, 112, 67.
รูปที่ 13 - 15 Eisenman, Peter. (1994). Cities of Artificial Excavation: The Work of Peter Eisenman,
1978 - 1988. New York: Rizzoli, 77, 79, 26.